15 May 2008

Himeji-jo - Osaka

Japan 2007 : Day 13

ได้เวลาอำลาโกเบกันแล้ว วันนี้พวกเราจะแยกกันเป็น 2 ทีม เป้+ปิ๊ก จะไปเที่ยว Himeji กัน ส่วนอั้ม+ดาว จะไปตามล่าหาร้านแต่งรถที่ Osaka แล้วตอนเย็นค่อยไปเจอกันที่ Umeda กว่าพวกเราจะเสด็จออกจากบ้านดาวได้ก็สายโด่ เพราะมัวแต่เปลี่ยนชุดนั้นชุดนี้กันอยู่ โดยมีดาวซังเป็นสไตลิสท์จำเป็น นั่งรถไฟออกจาก Rokko Island มาแยกกันที่สถานี Sumiyoshi แล้วเป้กะปิ๊กก็นั่งรถไฟไปตะลุยฮิเมจิกัน 2 คน

เมืองนี้ดูน่ารักดี เป็นเมืองเล็กๆ แต่น่าอยู่ สองข้างถนนจะเป็นทางเดินเท้าที่มีงานประติมากรรมจัดแสดงไว้เป็นระยะๆ แล้วก็ปลูกต้นซากุระ กับต้นแปะก้วยไว้ตลอดแนวทางเดินด้วย ถ้ามาตอนช่วงซากุระบานคงโรแมนติกน่าดู


เดินตรงจากสถานีมาไม่นานก็ถึงหน้าปราสาทแล้วจ้า บัตรผ่านประตู 600 เยน ดีใจมากที่วันนี้ไม่เจอแก๊งนักเรียน เจอแต่พวกทัวร์ สงสัยที่ไม่เจอเด็กเพราะที่นี่ไม่ใช่วัดรึเปล่าไม่รู้แฮะ ทุกทีเจอตามวัด :S


Himeji Castle เป็นปราสาทญี่ปุ่น ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Himeji จังหวัด Hyogo เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่เหลือรอดมาจากยุคสงคราม และได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกและสมบัติประจำชาิติญี่ปุ่น ถือว่าเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่มีงดงามที่สุดในญี่ปุ่น โดยอีก 2 แห่งคือ Masumoto Castle และ Kumamoto Castle และยังเป็นปราสาทที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในญี่ปุ่นอีกด้วย

ชาวญี่ปุ่นนิยมเรียกในชื่อว่า ปราสาทนกกระสาขาว (Shirasagi-jo หรือ White Heron castle) ซึ่งมีที่มาจากพื้นผิวปราสาทภายนอกซึ่งมีสีขาวสว่างนั่นเอง ปราสาทแห่งนี้เคยถูกทิ้งระเบิดในปี 1945 เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้ว่าพื้นที่โดยรอบส่วนใหญ่จะถูกเผาทำลาย แต่ตัวปราสาทยังคงตั้งอยู่ได้โดยแทบไม่เสียหายเลย

ปราสาทฮิเมจิเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ของปราสาทญี่ปุ่น เนื่องจากมีลักษณะทางสถาปัตยกรรม และยุทโธปกรณ์ครบ ตามแบบของปราสาทญี่ปุ่น ทั้งฐานหินสูง กำแพงสีขาว และอาคารต่างๆ ในบริเวณปราสาท และรอบๆปราสาทยังมีเครื่องป้องกันอีกมากมาย เช่น ช่องใส่ปืนใหญ่ ช่องสำหรับโยนหินออกนอกปราสาท เป็นต้น


จุดเด่นของปราสาทอย่างหนึ่ง คือทางเดินสู่อาคารหลัก ซึ่งสลับซับซ้อนราวกับเขาวงกต ทั้งประตูและกำแพงต่างๆ ในปราสาท ได้รับการออกแบบมาอย่างดี เพื่อป้องกันศัตรูไม่ให้บุกรุกเข้าถึงโดยง่าย โดยทางเดินมีลักษณะเป็นก้นหอยรอบๆ อาคารหลัก และระหว่างทางก็จะพบทางตันมากมาย ระหว่างที่ศัตรูกำลังหลงทางอยู่นี้ ก็จะถูกโจมตีจากข้างบนอาคารหลักได้โดยสะดวก แต่อย่างไรก็ตาม ปราสาทฮิเมจิก็ยังไม่เคยถูกโจมตีในลักษณะนี้เลย ระบบการป้องกันต่างๆ จึงยังไม่เคยถูกใช้งาน

ตลอดเวลาที่เดินอยู่ในปราสาท หอมกลิ่นอะไรไม่รู้โชยมาเป็นระยะๆ เลยเดินตามกลิ่นไปเจอต้นนี้ ไม่รู้ต้นอะไรเหมือนกัน รู้แต่หอมมากกกก หอมแบบไม่อยากให้ไปไหน อยากยืนดมอยู่อย่างงี้อะ เว่อป่ะ 555 แต่หอมจริงๆ นะ


นี่ขึ้นไปบนปราสาทแล้วมองลงมา เห็นวิวข้างล่างสวยดี นี่เราเดินมาไกลขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ไกลโคตรเลยแฮะ ไม่น่าเชื่อ เดินมาเหมือนใกล้เลย


มองมุมนี้ เห็นเหมือนเป็นเกาะอยู่กลางทะเลเลย เจ๋งดี



พวกเราเดินออกทางประตูด้านข้าง ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์ศิลปะของเมือง เดินผ่านสวน Shiromidai ก็เลยเก็บภาพปราสาทมาได้อีกมุม ปราสาทไรไม่รุ สวยทุกมุมเลยแฮะ :D


อ๊ะ เจอจนได้ ว่าจะถ่ายรูปเก็บไว้หน่อย เพิ่งเจอคันแรกเลย เจ้านี่คือ Himeji Castle Loop Bus ซึ่งเป็นรถโดยสาร สำหรับเที่ยวชมรอบปราสาท ในราคาเพียงเที่ยวละ 100 เยนเท่านั้น! แต่ไม่รู้ว่านั่งวนรอบนึงใช้เวลานานแค่ไหน เลยไม่กล้าเสี่ยงกลัวกลับไปขึ้นรถไฟไม่ทัน เสียดายจัง :S


ได้เวลาขึ้นรถไฟไปโอซาก้าแล้ว กว่าจะถึงโอซาก้าก็เย็นย่ำเต็มที เจออั้มกับดาวแล้วก็ตกลงกันว่าจะไปหาของกินแถว Dotombori เพราะมันมีให้เลือกเยอะดี แล้วพวกเราแวะกินราเมนก่อนกลับบ้าน ไม่รู้ชื่อร้าน รู้แต่ว่าราเมนเค้าชามใหญ่มาก



No comments: