15 May 2008

Miyajima, Hiroshima

Japan 2007 : Day 12

วันนี้ดาวมีเรียน เลยไม่ได้มาเที่ยวด้วยกัน พวกเราเลยไปลุยกันเอง เป้าหมายของวันนี้อยู่ที่เกาะ Miyajima, Hiroshima รถไฟ Shinkansen ขบวนที่เราจะนั่งไปฮิโรชิมาวันนี้ เป็นแบบ Hikari Railstar ซึ่งมีแค่ 8 โบกี้ และจะให้บริการทางฝั่งตะวันตก และภาคกลางของประเทศญี่ปุ่น จะว่าไปแล้วรถไฟหัวกระสุนหรือ Bullet Train ของญี่ปุ่นนั้น มีอยู่หลายรุ่นมาก ต่างกันที่หน้าตา สี สิ่งอำนวยความสะดวกภายในตู้โดยสาร และระดับความเร็ว


ฮ่า :D ขึ้นรถไฟเที่ยวก่อน ไม่ด้เตรียมข้าวกล่องไปกิน วันนี้ไม่พลาด เตรียมมื้อเที่ยงไปกินบนรถไฟด้วย


ถึงแล้วเดินมาหน้า Hiroshima Station หน่อยก็จะเจอสถานีรถรางท้องถิ่นที่เค้าเรียกว่า Streetcar ไอ้เราก็เซ่อ ดันบ้าจี้ไปซื้อตั๋วแบบ Daypass ที่รวมทั้งค่ารถ และค่าเรือข้ามเกาะกันคนละใบ ยืนรอซักพักรถก็มา ข้างในคล้ายๆ รถไฟที่นั่งไป Arashiyama ที่เกียวโต



นั่งๆ ไปเพิ่งฉลาด เลยกางแผนที่มาดู เลยมารู้ทีหลังว่า JR ก็มีไปลงที่ท่าเรือ Miyajima อ้าว เวรแล้วไง streetcar ที่นั่งไปนี่ก็สุดจะช้า หวานเย็นมาก จอดมันทุกป้าย ขืนไปต่อมีหวังกลับมาไม่ทันขึ้นรถไฟกลับโกเบแน่ เลยเปลี่ยนแผนว่าจะไปขึ้น JR ที่สถานีข้างหน้าแทน ส่วน Daypass มันรวมค่าเรือด้วย ไว้ไปใช้ตอนนั่งเรือข้ามฟากก็แล้วกันวะ -__-'

ระหว่างทางรถแล่นผ่าน Atomic Bomb Dome หรือ Genbaku Dome ด้วย ที่นี่ถือเป็นอนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมา ตั้งอยู่ในบริเวณ Peace Memorial Park ตอนสงครามโลก ระเบิดปรมาณูถูกทิ้งลงแทบจะตรงกับเหนือตัวอาคาร และเป็นอาคารที่อยู่ใกล้จุดศูนย์กลางการระเบิดมากที่สุดในบรรดาอาคารที่ยังตั้งทนต่อแรงระเบิด ตัวอาคารได้รับการอนุรักษ์ให้อยู่ในสภาพหลังจากถูกระเบิด ทุกวันนี้อาคารหลังนี้ได้กลายเป็นอนุสรณ์เตือนให้ระลึกถึงพลังทำลายล้างของปรมาณู และเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังในสันติภาพ และต่อต้านการใช้อาวุธปรมาณูอีกด้วย


แล้วเราก็เปลี่ยนมาขึ้น JR ไปลงรถไฟที่ Miyajima-guchi แล้ว ทีแรกตั้งใจจะเอาบัตร day pass มาใช้ตอนนั่งเรือข้ามฟาก แต่ JR นี่ก็ดีใจหาย มันมีเรือข้ามฟากให้ด้วย เรียกว่าใช้ JR ได้ตลอดทริปนี้เลย กรรม -___-'


เรือ JR กำลังจะออกพอดี รีบไปกันก่อนดีกว่า ขึ้นเรือซักพักก็ออกจากท่าเลย ไม่ต้องรอนาน แล้วตูซื้ออีบัตรนี่มาทำไมฟะ!!?? เฮ้อ ตั้ง 840 เยน ซื้อกันคนละใบ นี่หละน้า ไม่วางแผนให้ดีก่อน จะโทษใครได้ T__T


เกาะมิยาจิม่า เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงของฮิโรชิม่า เนื่องจากมีศาลเจ้าที่สวยงาม และได้รับการบันทึกเป็นมรดกโลก ชื่อว่า Itsukushima กิจกรรมอื่นของที่นี่นอกเหนือจากการมาเที่ยวชมโทริอิของศาลเจ้า ซึ่งตั้งอยู่กลางน้ำแห่งนี้แล้ว ก็คือการนั่ง Ropeway หรือกระเช้าไฟฟ้าขึ้นไปดูวิวบนเขา Misen และมี Aquarium บนเกาะด้วย แต่พวกเราไม่ได้ไปเพราะเวลามีจำกัด


ศาลเจ้า Itsukushima อยู่ห่างจากท่าเรือพอประมาณ ต้องเดินไปตามทางประมาณ 10 นาที สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึกมากมาย ส่วนสาเหตุที่ว่า ทำไมศาลเจ้าแห่งนี้ถึงไปสร้างโทริอิ หรือประตูศาลเจ้าอยู่กลางน้ำ ก็มีที่มาว่าก่อนที่จะสร้างศาลเจ้านี้ ได้มีการยิงธนูเสี่ยงทาย เพื่อหาจุดที่จะตั้งโทริอิ ลูกธนูถูกแรงลมพัดไปตกลงมากลางน้ำ ก็เลยต้องสร้างประตูกันตรงตำแหน่งที่เห็นนั่นยังไง :)


ช่วงน้ำขึ้นโทริอิก็จะอยู่กลางน้ำ เวลาน้ำลงถึงจะลงไปเดินดูได้ โทริอิและตัวศาลเจ้านั้นจะมีการทาสีใหม่ทุกๆ 5 หรือ 10 ปี เสาไม้ที่สร้างโทริอิก็จะมีการเปลี่ยนด้วย แต่ไม่รู้กี่ปีเปลี่ยนที ไม้ที่นำมาทำเสาก็ต้องเป็นไม้ต้นเดี่ยวๆ เท่านั้น สาเหตุก็คงเพราะมันทนการกัดกร่อนจากน้ำทะเลได้ดีล่ะมั๊ง ตอนกลางคืนที่นี่ก็จะเปิดไฟสว่างไสว และมีเรือล่องมาลอดโทริอิกันด้วย คงสวยงามน่าดูเชียว เรือที่ใช้ก็เป็นท้องแบนแบบสมัยโบราณ โดยใช้คนพายเรือ เสียดายที่พวกเราไม่มีโอกาสได้เห็น เพราะเย็นๆ ก็ต้องกลับแล้ว


แผ่นป้ายขอพร หรือ Ema ของที่นี่เป็นรูปโทริอิกลางน้ำด้วยอะ ใครอยากได้อะไรก็เขียนขอไป อธิษฐานเฉยๆ เดี๋ยวเจ้าท่านจะลืม เพราะไม่ได้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร แต่คนขอพรกันเยอะอย่างงี้คงต้องรอคิวกันนานหน่อย กว่าจะได้พรสมใจอะนะ เหอๆๆ


คุณลุงคนลากรถที่นี่คลาสสิกสุดยอด!! นี่ลงทุนวิ่งตามมาถ่ายรูปลุงโดยเฉพาะเลยนะเนี่ย จะถ่ายข้างหน้าก็กลัวแกจะลากรถมาทับเอา เห็นก้มหน้าก้มตาลาก ไม่สนใจใครเลย แต่ลุงแกเท่ได้ใจจริงๆ อะ :D


ขนมรูปใบเมเปิ้ลที่เห็น มีชื่อว่า Momiji-manju เป็นแป้งไส้ต่างๆ เหมือนโดรายากินั่นแหละ แต่ที่เกาะนี้เค้ามีใบเมเปิ้ลสีแดง หรือที่เรียกว่า Momiji เยอะ ขนมของฝากของเค้าก็เลยทำเป็นใบโมมิจิด้วย กิ๊บเก๋ยูเรก้าจริงๆ นอกจากแบบแป้งนิ่มๆ อย่างที่เห็นแล้ว ยังมีแบบที่เอาไปชุบแป้งทอดด้วย เรียกว่า Tempura momiji-manju ส่วนอาหารขึ้นชื่อบนเกาะนี้ต้องเมนูหอยนางรมเลย ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Kaki (ลูกพลับ ก็เรียกว่า Kaki แต่ออกเสียงต่างกัน)


ได้เวลาอำลามิยาจิม่าซะแร้ว ลืมไปเลยว่าวันนี้วันเกิดตัวเอง จะหมดวันแล้วหนิหว่า เหอๆๆๆ แก่แล้วความจำเลอะเลือน ขนาดวันเกิดตัวเองยังเกือบลืม


ขากลับยังไงก็ขอใช้ตั๋ว day pass ที่ซื้อมาให้ได้ ไม่งั้นจะซื้อมาทำไมกันล่ะ เรือข้ามฟากเที่ยวนี้เราเลยเมิน JR หันไปหากิ๊กใหม่ 555

ท้องฟ้า แผ่นน้ำ และตะวัน โอ้วว เจ้าช่างงามจับตาเสียนี่กระไร


แอบเห็นอะไรคุ้นๆ ตาที่ร้านขนมในสถานีรถไฟ นั่นมันข้าวเกรียบมโนราห์ made in Thailand หนิ Go inter ซะด้วย :D


นั่งรถไฟมาเจอดาวที่ Sannomiya วันนี้คุณนายดาวจะพาไปกินบุฟเฟต์ที่ร้าน Sweets Paradise ฉลองวันเกิดฮ่ะ :D


ว้าวว... มุมนี้เค้กเพียบเลย น่ากินทั้งน้านน อันนี้เหมือนจะเป็นเค้กตัวใหม่ของร้านมั๊ง เห็นมีป้ายติดไว้




พวกซุป แซนวิช และสปาเกตตี้ก็มีให้เลือกหลายแบบ (สปาเกตตี้ไข่กุ้ง อร่อยสุด) ข้าวหน้าไข่ โรยสาหร่าย สไตล์ญี่ปุ่นก็มี เครื่องดิ่มก็มีน้ำหวานให้เลือกหลายรสเลย หรือจะเปลี่ยนเป็นน้ำผลไม้ หรือชาก็มีเพียบ ขนมหวานที่นอกเหนือจากเค้กก็มีน้ำแข็งไส หวานเย็น ชื่นใจ ส่วนอันนี้เด็ดเลย เหมาะกับคนชอบช็อกโกแลต Chocolate Fondu


กินอย่างละนิด ละหน่อย จนกองเป็นภูเขาอย่างงี้!!


แล้วก็นั่งรถไฟไปบ้านดาวเช่นเคย แต่ขบวนนี้ มีอั้มเป็นคนขับ :D จะถึง Rokko Island แล้ว กลับไปนอนเอาแรงดีกว่าเรา

No comments: