15 May 2008

Nijo-jo - Kyoto Imperial Palace

Japan 2007 : Day 4

เช้านี้อากาศมัวๆ ไม่ค่อยมีแดดแฮะ ลุ้นอยู่ว่าฝนจะตกมั้ย ได้แต่ภาวนาว่าอย่าตกเลย เดี๋ยวไปเที่ยวไม่สนุก ระหว่างรอพ่อกับข้าวปุ้นกลับจากไปซื้อของข้างนอก ปิ๊กกี้ก็เลยคว้ากล้องไปถ่ายดอกไม้ริมระเบียงเล่นไปก่อน กระถางดอกไม้บ้านนี้ไม่เหมือนใคร เพราะเอากล่องนมมั่ง ถาดโฟมที่ใส่ของสดจากซูเปอร์มาเก็ตมั่ง เอามารีไซเคิลเป็นกระถางดอกไม้ จะได้ไม่ต้องเสียตังซื้อกระถาง ประหยัดแบบเศรษฐกิจพอเพียง (ต้นมันก็เลยออกดอกมาแต่พอเพียง ออกมาหรอมแหรมอย่างที่เห็น 55555)



ถ่ายไปถ่ายมา พ่อกะข้าวปุ้นกลับมาพอดี งั้นเตรียมตัวไปเที่ยวกันเลย


พ่อบอกว่าวันนี้จะไปเที่ยว Nijo Castle กัน อยู่ไม่ไกลบ้านมาก เดินไปก็ได้ อากาศก็ไม่ร้อน เพราะวันนี้ไม่มีแดดเลย เดินก็เดิน ประหยัด แถมได้ออกกำลังกายด้วย พ่อกะแม่บอกว่าตั้งแต่มาที่นี่ พุงยุบกางเกงหลวมไปตามๆ กัน เพราะเดินเยอะนี่แหละ :D

เดินมาได้ครึ่งทาง พวกเราก็แวะซื้อ bento ใกล้ๆ สนามเด็กเล่นมานั่งปิกนิกกินมื้อเที่ยงกัน เบนโตะร้านลุงที่ซื้อมา ขายถูกมาก มีคนมาซื้อเรื่อยๆ ลุงแกก็ทำอยู่คนเดียวทั้งร้าน กล่องนี้มีข้าว + ไก่ทอดซอสเปรี้ยวหวาน + ขนมจีบหมู + ผักดอง กะบ๊วยดองอีก 1 เม็ดแก้เลี่ยน กล่องนึง 250 เยนเอง ให้ก็เยอะ อร่อยด้วย กินข้าวเที่ยงกันที่สนามเด็กเล่น ถูกใจข้าวปุ้นมาก เพราะกินไปเล่นไปสนุกสนานเพลิดเพลินที่สุด



ฮ่า.. ถึงซะที Nijo-jo หรือ Nijo Castle อีกหนึ่งในมรดกโลกที่อยู่ในเกียวโต ปราสาทนิโจ ประกอบไปด้วย ป้อมปราการที่เรียงตัวเป็นวงแหวนสองชั้น พระราชวังนิโนมารุ ซากพระราชวังฮอนมารุ และอาคารอื่นกับสวนอุทยานอีกหลายแห่ง อาณาบริเวณของปราสาทมีพื้นที่ทั้งหมด 275,000 ตารางเมตร ปราสาทนี้สร้างเพื่อเป็นที่พำนักในเกียวโตของโชกุนตระกูลโทคุงาวะ ความสำคัญของปราสาทนิโจ คือเป็นที่ทำการของรัฐบาลที่จักรพรรดิเมจิทรงใช้ประกาศยกเลิกอำนาจของระบบโชกุน


พระราชวังนิโนมารุ (เจออีกแล้ว แก๊งเด็กนักเรียน -___-' ) สร้างด้วยไม้สนฮิโนกิเกือบทั้งหลัง ประดับด้วยใบไม้สีทองและไม้แกะสลักลวดลายสวยงาม เพื่อแสดงให้ผู้มาเยือนประทับใจในอำนาจและความมั่งคั่งของโชกุนในสมัยนั้น ประตูเลื่อนและผนังของแต่ละห้องมีภาพเขียนฝาผนังแต่ค่อยข้างจะเลือนๆ แล้ว ข้างในเค้าไม่ให้ถ่ายรูป เลยถ่ายมาให้ดูได้แค่ด้านหน้า ภายในอาคารมีห้องต้อนรับ ห้องทำงาน และห้องพักอาศัยของโชกุนอยู่หลายห้อง เป็นส่วนที่มีเพียงผู้รับใช้หญิงที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ สิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดอย่างหนึ่งของปราสาทนิโจ คือ พื้นไม้กระดานที่เชื่อมหมู่อาคาร ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันผู้บุกรุก เวลาเหยียบพื้นจะเกิดเสียงลั่นเหมือนเสียงนกร้อง (Nitinggale Floor) ทำให้สามารถรู้ความเคลื่อนไหวของผู้มาเยือนได้ทันที ป้องกันไม่ให้ผู้อยู่อาศัยในปราสาทได้รับอันตรายจากการถูกโจมตีและลอบสังหาร ส่วนด้านทิศใต้ของปราสาท คือ นิโจจินยะ (Nijo Jinya) ใช้เป็นที่พักแรมสำหรับไดเมียวที่เดินทางจากหัวเมืองเพื่อมาคารวะโชกุน ตัวคฤหาสน์โบราณหลังนี้เต็มไปด้วยกับดัก ทางลับ และห้องหับซ่อนอำพรางมิดชิด


ในบริเวณปราสาทมีสวนและอุทยานอยู่หลายแห่ง โดยเฉพาะสวนซากุระและสวนบ๊วย อุทยานนิโนมารุได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกผู้ออกแบบสวนและผู้เชี่ยวชาญการชงชาที่มีชื่อเสียง มีชื่อว่า โคโบริ เอนชู ตั้งอยู่ระหว่างวงแหวนป้อมปราการสองชั้น และอยู่ถัดจากพระราชวังนิโนมารุ ภายในอุทยานมีสระน้ำขนาดใหญ่ที่มีเกาะอยู่ 3 เกาะ มีสวนหินที่จัดวางอย่างสวยงาม และต้นสนตัดแต่ง


กำแพงชั้นในและคูน้ำในปราสาทนิโจ ที่มุมทางตะวันตกเฉียงใต้ของกำแพงชั้นใน มีซากของป้อมปราการห้าชั้น ซึ่งถูกเพลิงไหม้จนพังทลายไปแล้ว


พระราชวังฮอนมารุ ประกอบไปด้วย 4 ส่วน ได้แก่ ส่วนพักอาศัย ส่วนต้อนรับ โถงทางเข้า และโรงครัว ส่วนต่างๆ เชื่อมถึงกันด้วยระเบียงทางเดิน และสนาม ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบยุคเอโดะช่วงหลัง ในพระราชวังเป็นที่จัดแสดงภาพเขียนโดยจิตรกรที่มีชื่อเสียงหลายคน แต่เค้าไม่ได้เปิดให้เข้าชม (คิดว่าเค้าน่าจะเปิดเฉพาะในโอกาสพิเศษเท่านั้นมั๊ง)


กำแพงชั้นนอกของป้อมปราการ ทำจากหินก้อนใหญ่มากกกกกก... เทียบสเกลกับคนแล้ว ไม่รู้ตอนสร้างเค้าทำยังไงนะเนี่ย เก่งจริงๆ


อุทยานเซริวเป็นส่วนที่สร้างขึ้นล่าสุดในบริเวณปราสาทนิโจ โดยสร้างขึ้นทางทิศเหนือของบริเวณปราสาท ใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกผู้มาเยือนเมืองเกียวโตอย่างเป็นทางการ และเป็นสถานที่จัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับวัฒนธรรม อุทยานเซริวมีโรงชงชาอยู่ 2 หลัง และมีสวนหินที่ใช้หินมากกว่า 1,000 ก้อน


ออกจากปราสาทนิโจ ก็นั่งแท็กซี่มาลงที่ Kyoto Imperial Palace แต่มาช้าไปหน่อย หมดเวลาเข้าชมซะแล้ว แม่เดินไปสอบถามมาเค้าบอกว่ามีสำหรับนักท่องเที่ยวเปิดให้เข้าชม 2 รอบคือ เช้า และ บ่าย มีไกด์ให้ด้วย ส่วนกรุ๊ปทัวร์ต้องจองล่วงหน้ามาก่อน แล้วก็ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าด้วย สงสัยกลัวจะเข้าไปวุ่นวายข้างในอะแหละ พวกเรากะว่าจะ walk-in ไปก็เลยหมดสิทธิ์ อดไปตามระเบียบ เลยได้แต่นั่งมองรั้วรอบขอบวังกันที่ Imperial Park รอบๆ

พระราชวังอิมพีเรียล ที่เมืองเกียวโตนี้ เคยเป็นที่ประทับของจักรพรรดิ์ญี่ปุ่น กับพระราชวงศ์ ก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่โตเกียว ซึ่งที่นั่นก็มี Imperial Palace เหมือนกัน โดยใช้เป็นที่ประทับของราชวงศ์ญี่ปุ่นในปัจจุบัน ที่สวนรอบๆ วังนี้ เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาได้ เหมือนเป็นสวนสาธารณะ ก็จะมีคนมานั่งเล่น ออกกำลังกาย เล่นดนตรี วาดรูป หรือจะทำอะไรก็ได้ตามเรื่องตามราว (ที่ไม่ผิดกฏหมายและไม่ขัดศีลธรรมอะนะ) เพราะความที่สวนกว้างมากกกกกก ใครจะทำอะไรก็ไม่รบกวนกัน พ่อหนุ่มนักดนตรีคนนี้เค้าก็เลยมาซ้อมดนตรีสบายใจเฉิบอย่างที่เห็น ประมาณว่าถ้าเล่นที่บ้าน เสียงดนตรีอาจจะไปรบกวน จนโดนเพื่อนบ้านด่าเอาได้



อกหักจากวังหลวงไปแล้ว พ่อเลยพานั่งรถไฟไปกินอาหารไทยแซ่บๆ เป็นการปลอบใจ หลังจากกินอาหารญี่ปุ่นมาหลายมื้อ (จริงๆ แล้วพ่ออยากกินเองน่ะแหละ เพราะเบื่ออาหารญี่ปุ่น 5555) ร้านที่พ่อพามากินเป็นร้านของคนรู้จัก ชื่อร้าน "ช้างน้อย" เจ้าของเป็นญี่ปุ่น แต่มีคนไทยทำงานอยู่หลายคน พ่อครัวก็อิมพอร์ตมาจากเมืองไทย ไปถึงไม่รู้จะสั่งอะไร เลยสั่งอาหารไทยยอดฮิตแบบเซ็ต ข้าวกะเพรา+ไข่ดาว (1,600 เยน) เสิร์ฟมาพร้อมปอเปี๊ยะทั้งแบบสด และแบบทอด แล้วก็มีแกงจืดเต้าหู้หมูสับไว้ให้ซดคล่องๆ คอ ตบท้ายด้วยขนมหวานไม่ระบุสัญชาติ กินแล้วไม่รู้ว่าเป็นขนมสัญชาติไหนแน่ แต่ก็อร่อยดี ส่วนพ่ออยากกินน้ำพริกมาก พ่อครัวเป็นคนเหนือซะด้วย เค้าเลยจัดน้ำพริกอ่องมาให้ชุดนึง (อาหารพิเศษนอกเมนู อิอิ) ลำแต๊ๆ เหมือนกิ๋นที่บ้านเฮาเลยเน้อ ขอบอก :D


กินอิ่มแล้วก็แยกย้ายกัน พ่อ แม่ ข้าวปุ้น กลับบ้านไปพักผ่อน ส่วน 2 สาวนักช้อปขอแยกวงไปช้อปปิ้ง ระหว่างช้อปอยู่เจอผู้พันแซนเดอร์ แกบอกว่าแกเลิกใส่สูทขาวแล้ว เพราะเปลี่ยนสัญชาติเป็นญี่ปุ่น เลยเปลี่ยนมาใส่ชุดซามูไร มีดาบด้วย (ทำไมผู้พันไม่เปลี่ยนสัญชาติไทย ใส่โจงกระเบนมั่งอะ อยากเห็น 555)



ขากลับแวะมินิมาร์ทแถวบ้าน ซื้อขนมมากินอย่างบ้าคลั่ง อย่างที่เห็นในภาพ เปิดกินมันทุกห่อ กะจะกินให้ท้องแตกตายกันเลยทีเดียว





พระราชวังเกียวโต ( Kyoto-gosho / Kyoto Imperial Palace )

ทางสำนักพระราชวัง ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยว เข้าชมภายในเขตพระราชวังได้ โดยจะมีไกด์นำเที่ยวบริการให้ฟรี และไม่คิดค่าเข้าชม แต่จะอนุญาตให้เข้าได้เฉพาะผู้ที่จองล่วงหน้ามาก่อนเท่านั้น

Tours in English
วันละ 2 รอบ เริ่มเวลา 10:00 และ 14:00 (ประมาณ 60 นาที)
Short Tour Route
วันละ 2 รอบ เริ่มเวลา 11:00 และ 15:00 (ประมาณ 35 นาที)
Close : หยุดวันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์

No comments: