11 May 2008

Arashiyama - Kyoto Tower

Japan 2007 : Day 2

หลับสบายไร้เสียงรบกวน (จากข้าวปุ้น) ตลอดคืน ตื่นมาวันนี้อากาศแจ่มใส ฝนไม่ตก เหมาะแก่การไปเที่ยวภูเขา พ่อเลยจะพาไปเที่ยวแถบ Arashiyama กัน การเที่ยววันนี้มีเรื่องเศร้า + เซ็งจิตอย่างแรง อยากรู้ว่าคืออะไร ก็อ่านไปเรื่อยๆ ละกัน



พ่อบอกว่าจะพาไปขึ้นรถไฟ เดินจากบ้านไปแค่ 1 ป้ายรถเมล์ก็ถึงสถานี Shijo-Omiya รถไฟที่พ่อบอกจะพามาขึ้น ชื่อว่า Randen หน้าตาออกแนวรถรางซะมากกว่า เพราะมีอยู่ตู้เดียว แล้ววิ่งบนถนนปกตินี่แหละ หวานเย็นมากๆ จอดมันทุกป้ายเลยแฮะ แต่ไม่เป็นไร เราไม่รีบ ทัวร์เราเป็นแบบ Chill Chill ไม่ใช่พวกชะโงกทัวร์ ที่ไปชะโงกแล้วรีบขึ้นรถไปที่อื่นต่อ ทั้งตู้มีกันอยู่ไม่กี่คน คงเป็นเพราะเส้นทางที่ไปมันออกไปชานเมือง ออกแนวบ้านนอก คนไม่ค่อยเยอะ ที่นั่งเลยค่อนข้างจะว่าง นั่งสบายๆ ไม่แออัด ดีจังเลย :D



ออกจากสถานีก็มีราชรถมาเกย แหะๆ เค้าเป็นรถรับจ้างตะหาก ใครอยากนั่งชมรอบๆ บริเวณนี้ คุณพี่คนนี้เค้าก็จะลากท่านไปชม พร้อมเป็นไกด์บรรยายสรรพคุณของแต่ละสถานที่ให้อีกตะหาก เป็นแบบ one-stop-service เลยทีเดียว แต่ขอโทษภาษาญี่ปุ่นล้วน กะเหรี่ยงฟังม่ายรุเรื่อง



หน้าสถานีมี softcream ชาเขียวมาล่อใจ พวกเราเลยตกเป็นเหยื่อ กินกันคนละอัน ราคาโคนละ 300 เยน ไอติมราคา 100 บาทเลยเรอะ เอาวะ กินก็กินไหนๆ ก็มาแล้ว เหอๆๆ เป็นไงละ พอเดินไปเรื่อยๆ ก็มีขายอีก แถมราคายังถูกลงเรื่อยๆ แปรผันตามระยะทาง นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อะไรที่มันขายใกล้ๆ สถานีหรือใกล้แหล่งท่องเที่ยวมากๆ มักจะแพงกว่าปกติ จำไว้ อดใจเดินไปอีกหน่อยก็มีอีก ถูกกว่าด้วย T__T

ตามสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์หลายๆ แห่งในเกียวโตจะเห็นป้ายแบบนี้ ถ้าเจอที่ไหน รู้ไว้เลยว่ามันคือป้ายบอกว่าที่แห่งนั้นได้รับการอนุรักษ์ไว้ให้เป็นมรดกโลก โดย UNESCO ที่นี่ก็เช่นกัน




ที่นี่ก็คือวัด Tenryu-ji สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1255 โดยตอนแรกถูกสร้างเป็นวัง แต่ได้เปลี่ยนมาเป็นวัดนิกาย zen ในเวลาต่อมา วัดแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของ Landscape เนื่องจากมีการจัดสวนหินสไตล์ญี่ปุ่นที่โดดเด่นสวยงาม นอกจากจะติดอันดับวัดเซนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งแล้ว จุดเด่นอีกอย่างของวัดนี้ก็คือ ภาพวาดมังกรในหมู่เมฆ ที่อยู่บนเพดานของห้องโถงกลาง ความพิเศษของภาพนี้ก็คือ ไม่ว่าจะมองตามังกรจากมุมไหนก็ตาม มันก็จะยังคงจ้องมองตาคุณอยู่เสมอ!!



ตู้กดสารพัดน้ำนี่มีอยู่ทุกที่จริงๆ แต่เค้าก็ไม่ได้ตั้งกันเรื่อยเปื่อยหรอกนะ คนญี่ปุ่นเรื่องภาพลักษณ์ มุมมอง ความงามต้องมาก่อน เพราะงั้น Vending Machine จะมาเสนอหน้าประเจิดประเจ้อไม่ได้ เค้ามีมุมให้แอบมาตั้ง แถมยังทำหลังคาครอบไว้ ให้ดูเข้ากะสถานที่อีกตะหาก แล้วคนญี่ปุ่นเค้าไม่เดินกินนะ ซื้อแล้วก็เห็นเค้านั่งกินอยู่แถวนั้นหละ พวกเดินกินก็มีแต่พวกเด็ก วัยรุ่น นักท่องเที่ยว และกะเหรี่ยงอย่างเราเนี่ยแหละ :P

ถ้าพูดถึงอะราชิยามะ ก็ต้องนึกถึงป่าไผ่ ทิวเขาสลับซับซ้อน รถลากแบบญี่ปุ่น สะพานโทเกะสึ (Togetsukyo แปลว่า Moon Crossing หรือสะพานข้ามจันทร์) สะพานข้ามแม่น้ำที่ทอดตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสวยงาม ที่นี่คือแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในเกียวโต นอกจากจะเป็นสถานที่เที่ยวชมธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังมีวัดและศาลเจ้าที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น วัดเท็นริว (Tenryu-ji)เป็นวัดเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใจกลางอะราชิยามะ ทางด้านหลังของเท็นริวจิ เพลิดเพลินกับการเดินเล่นชมป่าไผ่อันลือชื่อ แวะศาลเจ้าโนโนะมิยะ (Nonomiya) ศาลเจ้าเล็กๆ ที่แทรกตัวอยู่ในป่าไผ่อันสงบร่มรื่น

เรื่องเศร้า + เซ็งที่เกริ่นไว้แต่แรกก็คือ... ถ่ายรูปกันอย่างเมามัน ถ่ายไปไม่ทันไรแบตหมด!! แบตสำรองก็ไม่มี ทำไงดีล่ะทีนี้ อ่อ ไม่เป็นไร มีกล้องของพ่ออีกตัว ใช้กล้องเดียวก็ได้ ที่ไหนได้กลับบ้านไปโหลดรูปออกจากกล้องปรากฏว่ารูปไม่ชัดซักรูป เพราะกล้องเจ๊ง!!! ต้องมาเจ๊งวันนี้ด้วยนะ เยี่ยมไปเรย!! ตัวโฟกัสภาพมันดันเสีย ทุกรูปเลยเบลอหมด Arashiyama วันนี้เลยมีรูปอยู่เท่านี้ รูปที่เห็นนี้เป็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนแบตหมด เศร้าโคตร เพราะที่นี่สวยมากๆ มีแม่น้ำ ภูเขา ป่าไผ่แสนสวย จบกัน T____T เศร้า...



เที่ยวแบบสุขปนเศร้าเสร็จแล้ว ก็กลับบ้านมาชาร์จแบตกล้อง ก่อนจะออกไปท่องราตรีในเมืองเกียวโตต่อ มาเดินเล่นกันที่ Isetan จนถึงชั้นที่มีของกินเยอะๆ ปิ๊กกี้ก็หมายตาร้านข้าวห่อไข่ที่เห็นในรูปนี้เอาไว้ หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องมากินให้ได้ ก็ display หน้าร้านมันยั่วน้ำลายโคตรๆ นี่นา ใครจะอดใจไหว ถ้าไม่ติดว่ากินข้าวมาแล้ว คงเข้าไปกินก่อนเพื่อนเลยหละ ข้าวปุ้นก็ชอบอกชอบใจ เพราะแต่ละร้านจะมี Kodomo Setto สำหรับคุณหนูๆ ทำเป็นเซ็ตน่ารัก แถมของเล่นให้อีกตะหาก ล่อใจมันทุกเพศ ทุกวัยจริงๆ





ออกจากห้างไปก็เจอดาดฟ้า เค้าทำเป็น Sky Garden ไว้ให้ชมวิวรอบๆ ชั้นล่างของตึกนี้เป็น Kyoto Station มองออกไปจะเห็นชานชาลาของ Shinkansen ยาวเหยียดเลยทีเดียว



เดินลงบันไดมาเรื่อยๆ ก็จะมองเห็น Kyoto Tower อยู่แค่เอื้อม (ไม่เชื่อดูรูปเลย แค่เอื้อมจริงๆ อะ 555)




บันไดสูงชันและกว้างมาก ทีแรกยังคิดไปว่า คนมันจะเดินขึ้น-ลง กันเยอะขนาดไหนเชียว ถึงทำซะใหญ่ขนาดนี้ แต่พอลงมาเรื่อยๆ ก็ถึงบางอ้อ เค้าตั้งใจทำไว้เหมือนเป็นอัฒจรรย์เวลามีการแสดงหรือคอนเสิร์ตไงล่ะ นักออกแบบที่ดีนอกจากจะสร้างสรรค์ความงามทางสถาปัตยกรรมแล้ว ก็ยังต้องคิดถึงประโยชน์ให้สอยด้วย ถ้าเน้นสวยอย่างเดียว แต่ทำอะไรไม่ได้ ก็ไม่มีความหมายอะไร อย่างที่ได้พูดเรื่องตู้กดน้ำที่วัดไปแล้วเรื่องของมุมมอง อาคารนี้ก็เหมือนกัน เค้าออกแบบอาคารมาก็คำนึงถึงมุมมองเช่นกัน อาคารสูงใหญ่ หลายชั้นก็จริง แต่ยังเว้นช่องว่างไว้ให้ Landmark ของเมืองอย่าง Kyoto Tower ไม่เอาตัวเองไปบดบังทัศนียภาพ น่าชื่นชมจริงๆ เดินไปยืนตรงช่องมะกี๊ ก็จะเห็น Kyoto Tower ใกล้ๆ แบบไม่มีอะไรมาบังอย่างนี้เอง


Kyoto Tower Department Store ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามของสถานีเกียวโตนั้น เป็นจุดรวมของฝาก และของที่ระลึกจากเกียวโตอีกแห่งหนึ่ง (แม้จะมีของจากเมืองอื่นมาแจมด้วยก็เหอะ) ด้านบนสุดของห้างจะเป็นที่ตั้งของ หอคอยเกียวโต (Kyoto Tower) ซึ่งมีความสูงถึง 131 เมตร ที่ระดับความสูง 100 เมตร จะเป็นชั้นที่เปิดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชมทิวทัศน์รอบเมืองเกียวโตได้ในมุมที่สวยสุดๆ (เปิดทำการ 09:00 – 21:00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 770¥ เด็ก 150¥ – 620¥)

ก่อนกลับบ้านแวะมินิมาร์ท เจอพุดดิ้งฟักทอง ต้อนรับ Halloween เห็นมันแปลกดีเลยซื้อมาลอง รสชาติเหมือนกินสังขยาฟักทองเลย อร่อยดีเหมือนกัน

No comments: