15 May 2008

Tokyo - Yokohama

Japan 2007 : Day 7

เมื่อวานตื่นเต้นกันใหญ่ รีบกลับบ้านไปจัดกระเป๋า เตรียมตัวไปโตเกียว อยู่ญี่ปุ่นมาตั้งหลายวัน จะได้นั่ง Shinkansen ก็วันนี้แหละ ตั๋วก็จองไว้แล้ว วันนี้รีบตื่นมาสถานีก่อนเวลา เพราะกลัวไม่ได้ไป 5555 ขบวนรถที่จะนั่งไปโตเกียววันนี้เป็น Hikari ไม่ใช่แบบ Nozomi ที่เร็วที่สุดของเค้า แบบนั้นเค้าไม่ให้กะเหรี่ยงขึ้น 555 (JR Pass ขึ้นชิงคังเซ็นได้ทุกอย่าง ยกเว้น Nozomi น่ะ) แต่ก็ยังเร็วอยู่ดี เพราะใช้เวลาจากเกียวโตไปถึงโตเกียวแค่ 3 ชั่วโมงเอง ถ้านั่งรถยนต์ต้องใช้เวลาตั้ง 8-9 ชั่วโมงเลย (ประมาณกรุงเทพ-เชียงใหม่) บนรถไฟบรรยากาศเหมือนอยู่บนเครื่องบินแบบ Low-cost เพราะมี hostess เดินขายของกินด้วย แต่ใครจะขายอะไร เราก็ไม่สน เพราะเราพกมาเอง นี่ไง Tonkatsu Sando ซื้อมาจากสถานี เอาไว้กินรองท้องระหว่างทาง แอบสังเกตว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เค้าก็จะซื้อเป็นเบนโตะมากินบนรถกันทั้งนั้น แต่เรากินกันมาก่อนแล้ว เลยไม่ได้เตรียมอะไรมานอกจากแซนวิชนี่แหละ เห็นคนอื่นเค้ากิน ก็ได้แต่กลืนน้ำลายเอื๊อก เพราะกลิ่นอาหารมันตลบอบอวลอยู่ในตู้นั่นแหละ




ด้านหน้า seat จะมี Information ติดอยู่ บอกให้รู้ว่าอะไรอยู่ที่ไหน สำรวจอย่างแรกก่อนเลยว่าห้องน้ำอยู่ไหนฟะ 55555 ก็ 3 ชั่วโมงหนิ ยังไงก็ได้ใช้แน่



หลังจากนั่งรถไฟชมวิว ผ่านทุ่งนา ภูเขา ทะเลสาบ ผ่านเมืองใหญ่ๆ หมู่บ้านเล็กๆ ดูไปดูมาชักตาลาย คล้ายโดนสะกดจิต เริ่มง่วงซะแล้ว เลยงีบเอาแรงก่อน ...โตเกียว เดี๋ยวเจอกันนะ!!

แล้วก็ถึงโตเกียวซะที มาถึงปุ๊บก็ตรงเข้าที่พักเลย ตามที่นัดกะอั้มเอาไว้ เพราะอั้มถึงนาริตะแต่เช้าแล้ว มาเช็คอินไว้เรียบร้อย พวกเราก็เอากระเป๋ามาเก็บแล้วรออั้มมารับตามเวลานัด โรงแรมที่โตเกียวที่พวกเรามาพัก ชื่อว่า APA Hotel เป็นโรงแรมประเภท Business Hotel ส่วนมากเห็นมีแต่พวกนักธุรกิจญี่ปุ่นลากกระเป๋าเข้ามา ไม่ค่อยเห็นคนต่างชาติเลย มีแต่กะเหรี่ยงอย่างเรานี่แหละ ห้องพักก็เล็กๆ อย่างที่เห็น นี่คือห้องสำหรับ 2 คนนะจ๊ะ นอนกัน 2 คน เตียงเท่านี้แหละ เอาน่า นอนได้อยู่แล้วสบายมาก แต่ถึงจะเล็ก ก็มีคุณภาพนะ เพราะเค้ามีให้ครบทุกอย่างที่จำเป็น ก็โอเคแล้วหละ :D


ห้องน้ำแบบมินิ แต่ดีที่เป็นห้องน้ำในตัว สบายหน่อย คือว่า.. ไม่กล้าไปอาบน้ำรวมน่ะ มันเขิลล... ห้องน้ำที่โรงแรมนี้มีอุปกรณ์ให้ครบทุกอย่าง เรียกว่ามาแต่ตัว (+เสื้อผ้า) ก็อยู่ได้สบายเลย



ได้เวลานัด อั้มก็มาพร้อมซาโตรุซัง โดยมีวาตาริยะซังเป็นไกด์กิตติมศักดิ์ วาตาริยะซังบอกว่าจะพาไป Yokohama แต่คุยกันไม่รู้เรื่องซักคำ ดีที่ซาโตรุซังพูดไทยได้ เลยเป็นล่ามให้พวกเรา แต่ล่ามเองก็ไม่ได้เก่งภาษาไทยมาก เพราะอยู่เมืองไทยแค่ 2-3 ปีเอง วาตาริยะซังพาขึ้นทางด่วนจากโตเกียว ไปโยโกฮาม่า ระบบ GPS ในรถเค้าเจ๋งโคตร แสดงภาพเป็น 3 มิติด้วย เลยรู้ว่าตอนนี้เราอยู่ในอุโมงค์ใต้ทะเล เจ๋งโคตร เหมือนเล่นเกมส์รถแข่งยังไงยังงั้น สุดยอดไฮเทคจริงๆ ประเทศนี้



หลังจากเข้าๆ ออกๆ อุโมงค์อยู่หลายรอบ ไม่นานเท่าไหร่ก็ถึงโยโกฮาม่า เมืองท่าสำคัญแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น มาถึงนี่แล้วถ้าไม่ได้มาเยือน China Town ก็ดูจะกระไรอยู่ ที่นี่เป็นย่านการค้าของคนจีนที่อยู่ในญี่ปุ่น ร้านรวงส่วนใหญ่ก็จะขายแต่ของจีน อาหารจีน เยอะแยะมากมาย จนลืมไปว่ายังอยู่ญี่ปุ่นกันอยู่



ซาลาเปาที่นี่ลูกเท่าบ้านเลย ใหญ่มาก อร่อยมากด้วย ขอบอก ซาลาเปารูปหมู ข้างในก็เป็นไส้หมู แล้วรูปแพนด้าล่ะ ไส้อะไร?!! 5555 อย่าคิดมาก ก็ไส้ถั่วดำไงล่ะ แหม ใครจะไปเอาแพนด้ามาทำซาลาเปาได้ลงคอ อิอิ




เดินมาซักพัก ก็ต้องมาหยุดมองที่ร้านร้านนึง เอ๊ะ! นี่มันร้านอะไรเนี่ย ทำไมคนต่อคิวกันยาวเหยียด แถมป้ายหน้าร้านยังดูอลังการกว่าร้านอื่นอีก เลยถามรุซัง ได้ความว่าเป็นร้านที่รวมดาวเหล่าแชมเปี้ยนจากวงการอาหารจีน เรียกว่าเชฟระดับเทพทั้งนั้นที่อยู่ร้านนี้ อั้มรีบไปต่อแถวทันที ขอลองกินซาลาเปาเทพหน่อยเหอะ แถวยาวแค่ไหนก็ยอม รอซักพักก็ได้ซาลาเปาเทพมาลิ้มลอง กินแล้วต้องยอมรับว่าอร่อยสมคำโฆษณาจริงๆ นอกจากซาลาเปาแล้วยังมีข้าวเหนียวหน้าหมูน้ำแดง ห่อมาเป็นคำๆ อันนี้ก็อร่อยสุดๆ เหมือนกัน ไม่เสียแรงที่ยืนคอยอยู่ตั้งนาน :D



Yokohama นี่นับว่าเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ ตั้งอยู่ทางใต้ห่างจากโตเกียวไม่มากนัก ส่วน China town หรือ Yokohama Chukagai นั้น เป็นชุมชนคนจีนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว ขนาดตู้เกมส์ยังทำให้เข้ากับ China town เลย อย่างเครื่องนี้เป็นเกมส์คั่วเกาลัด ต้องโยนๆ ให้ลูกเกาลัดลงห่วงแล้วนับแต้มเอา กะทะหนักเอาเรื่องเชียวแหละ!



แล้วเราก็เดินต่อมาที่สวนสาธารณะ Yamashita-koen ริมฝั่ง Yokohama Port กัน วันนี้ที่สวนเค้ามีงานพอดีเลยแฮะ เดินไปดูกันหน่อยว่าเค้าจัดงานอะไรกันคนเยอะแยะเลย อ่อ.. ที่แท้ก็เป็นงานเทศกาลอาหารนานาชาติน่ะเอง มีบู๊ธอาหารไทยด้วย ว่าแล้ววาตาริยะซังก็ขอตัวไปกินอาหารไทยหน่อย เค้าบอกว่าชอบมากเลย โดยเฉพาะพวกก๋วยเตี๋ยว หายไปแป๊บนึงแกก็กลับมาพร้อมก๋วยเตี๋ยวต้มยำชามใหญ่ ถามเค้าว่ากินได้เหรอ เผ็ดนะ เค้าบอกกินได้ๆ อร่อยดี (บอกเป็นภาษาญี่ปุ่นอะนะ อันนี้แปลมาแล้ว 555) แถมยังบอกว่าชอบกินก๋วยเตี๋ยวน้ำตกมากๆ ที่ญี่ปุ่นไม่มีขาย เดือนหน้าเค้าจะมาเมืองไทยจะไปกินให้ได้ ได้เลยมาเมื่อไหร่จะพาไปกินให้พุงปลิ้นเลยฮ่ะ :D




จากสวนนี้สามารถมองเห็น Yokohama Marine Tower ได้ด้วย หอคอยนี้สูง 106 เมตร และมีจุดชมวิวที่ระดับความสูง 100 เมตร ซึ่งสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ด้วย นอกจากนี้หอคอยนี้ยังเป็นประภาคารที่สูงที่สุดในโลกอีกด้วย ปัจจุบันเค้าปิดไม่ให้ขึ้นไป แต่คาดว่าจะเปิดให้บริการอีกครั้งในปี 2009



เรือที่เห็นนี้เป็นเรือสำราญ ที่มีฉายาว่า The Queen of the Pacific ส่วนชื่อจริงๆ เค้าชื่อ Hikawa-Maru เปิดให้บริการมาแล้วกว่า 30 ปี นับตั้งแต่ปี 1930 โดยคนดังอย่าง Charlie Chaplin ก็เคยใช้บริการมาแล้ว ปัจจุบันปิดเพื่อบูรณะใหม่ โดยจะเปิดให้บริการอีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิปี 2008



อาทิตย์ลับขอบฟ้า ที่โยโกฮาม่า เป็นสัญญาณว่าถึงเวลากลับได้แล้ว...



ถึงโตเกียวก็ได้เวลาอาหารเย็น ไกด์ของเราบอกว่าจะพาไปกิน Okonomiyaki แบบ Tokyo Style หน้าตาเป็นยังไงหว่า ต้องเข้าไปดูในร้านกัน



เจ้าภาพของเราคือวาตาริยะซังสั่งอาหารให้เสร็จสรรพ พวกเราได้แต่นั่งใบ้รอกินอย่างเดียว เพราะภาษาญี่ปุ่นล้วนฮ่ะ อ่านมะออกเรย พอได้อาหารปุ๊บ คุณป้าเจ้าของร้านก็มาสาธิตวิธีการทำให้ดู แล้วก็ถึงบางอ้อ ที่แท้มันคือ Monjayaki นี่เอง ป้าก็สาธิตไปเรื่อยๆ พวกเราก็เริ่มน้ำลายยืดดดด ใกล้เสร็จแล้ว อดใจรออีกนิด วาตาริยะซังบอกว่าร้านนี้เค้ามากินตั้งแต่สมัยวัยรุ่น เพราะอยู่ใกล้โรงเรียนเลยมากินบ่อย คงกำลังจะบอกว่าร้านนี้เก่าแก่มากสิท่า 555 สุกแล้ว ก็ลงมือกินได้เลย ว่าแล้วเราก็ปาดเข้าปากกัน โอวววว ร้อนฮ่ะ ลวกปากอิชั้นซะแล้ว 5555555 แต่อร่อยดีเหมือนกัน คล้ายๆ หอยทอดแต่ไม่ใช่หอย เป็นกุ้งแห้งกับกะหล่ำปลีแทน แล้วโรยหน้าด้วยปลาคัตสึโอะแห้ง (ในกรุงเทพก็มีร้านขาย Monjayaki อยู่แถวสุขุมวิท ไม่จำไม่ผิด รู้สึกว่าจะชื่อร้าน Don Don)





หมดกะทะแรกไปอย่างรวดเร็ว ต้องขอต่ออีกชาม เพราะยังไม่อิ่มเลยแฮะ คราวนี้สั่ง Kare Monja ดูมั่ง แล้วใครจะทำอะคราวนี้ คุณป้าแกไม่ทำให้แล้วหนิ งั้นวาตาริยะซัง กับรุซัง ต้องรับหน้าที่ไปโดยปริยาย 5555 เพราะพวกเราได้แต่หนังเอ๋อกันอยู่ ทำไรไม่ถูก เดี๋ยวหน้าแตก สองคนนั้นก็ใช่ว่าจะทำเป็น 5555 เห็นส่งภาษาญี่ปุ่น หัวเราะกันคิกคัก ท่าทางคงจะมั่วๆ กันไปเรื่อย แต่ก็ออกมากินได้เหมือนกันหละน่า แบบผงกะหรี่นี่อร่อยกว่าแบบแรกแฮะ แถมมี BabyStar กรอบๆ โรยมาให้ด้วย (มันคือมาม่าดิบแบบแตกๆ น่ะแหละ แต่เป็นของญี่ปุ่น) กินหมดไปชามนึงเพิ่งจะรู้ว่าเค้ามีซอสให้ทา มีสาหร่ายป่นให้โรยเพิ่มรสชาติอีกตะหาก แล้วไมไม่บอกแต่แรกง่ะ เพิ่งมาได้กินแบบชุ่มซอสตอนจะอิ่มแล้ว โธ่... -__-" ขอตัวไปกินต่อก่อนหละ กินแกล้มกับเหล้าบ๊วยนี่ (Ume-shuhai) ได้อารมณ์กับแกล้มขี้เหล้าดีแท้ 5555 คัมปายยยย!!

No comments: