15 May 2008

Kiyomizu-dera

Japan 2007 : Day 3

เช้านี้อากาศแจ่มใสอีกวัน วันนี้เดินเลย Shijo Omiya ไปหน่อย ก็จะได้ไปกินราเมนแบบหยอดเหรียญกัน ไปถึงร้านก็ไปเลือกราเมนที่อยากกิน แล้วหยอดเหรียญลงไป จะได้ตั๋วมา ก็เอาไปให้พนักงาน รอที่โต๊ะแป๊บเดียวก็ได้กินแล้ว เสียอย่างเดียวอ่านไม่ออก งานนี้เลยต้องดูรูปแล้วจินตนาการเอาเอง


มีเรื่องตื่นเต้นนิดหน่อยระหว่างกินข้าว นั่งกินอยู่ดีๆ ได้ยินเสียงดังโครมมาจากข้างหลัง แต่ไม่ได้สนใจ นึกว่าพนักงานทำของตก จนแม่หรือปิ๊กเนี่ยแหละพูดขึ้นว่ามีคนตกเก้าอี้เลยหันไปมอง... ปรากฏว่าเป็นผู้ชายคนนึงล้มไปนอนกองกับพื้น พนักงานในร้านก็ยืนเหวอทำไรไม่ถูก ไอ้เราก็งงๆ อยู่ เค้าก็ไม่เห็นลุกขึ้นมาซะที พอได้สติเลยไปช่วยกันกับพ่อพยุงเค้าลุกขึ้นนั่ง ซักพักเค้าก็ยกตัวขึ้นยืน แล้วก็ขอโทษขอโพยคนในร้านใหญ่เลย จากนั้นก็ถือไม้เท้าเดินโขยกเขยกออกจากร้านไป คาดว่าเค้าคงเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก แล้วคงเสียหลักตอนจะลุกจากโต๊ะ แปลกมากที่คนในร้านไม่มีใครลุกมาช่วยเลยซักคน นั่งกินกันหน้าตาเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าพวกเราไม่ไปช่วยเค้า ก็เหมือนไม่มีใครใส่ใจเลย คนประเทศนี้ก็แปลกดีเหมือนกันแฮะ :S

จบเรื่องตื่นเต้นแล้ว ก็เดินทางไป Kyoto Station กันต่อ เพราะจะไปแลกบัตร JR Pass แล้วก็จองตั๋วรถไฟไปโตเกียว ระหว่างทางเห็นคุณลุงคนส่งบะหมี่แบบในหนังสือการ์ตูนเลยเก็บภาพมาให้ดูกัน เจ๋งดี อยากโทรสั่งบะหมี่แบบนี้มั่ง แต่คงพูดกันไม่รู้เรื่อง -"-


เดินเตร็ดเตร่กว่าจะได้ไปแลกตั๋ว มาเจอร้านไอติมร้านนี้ มีไอติมถ้วยยักษ์โชว์อยู่หน้าร้าน ใครผ่านก็ต้องหันไปมอง ถ้วยใหญ่ขนาดนี้ ใครจะไปกินหมดฟะ แล้วก็เหลือบไปเห็นรูปที่ติดอยู่ข้างถ้วย อีตานี่มันกินหมดถ้วยเลยเหรอเนี่ย!!! สุดยอดเลยเพ่ ใครกล้าทำลายสถิติ ก็เชิญเลย แต่ข้าน้อยขอบาย กินหมดนี่ตายแน่ๆ ตู



ร้านนี้ขายข้าวราดสารพัดแกงกะหรี่ น่ากินสุดๆ ร้านข้าวห่อไข่ (อีกแล้ว) น่ากินไปหมด แง่มๆๆ หิวอีกรอบเลยเนี่ย


ร้านนี้ดิสุดยอดแล้ว เป็นพวกเค้ก-พายหน้าผลไม้ล้วนๆ น่ากินโคตรๆ อลังการมากๆๆๆๆ น่ากินไปหมดจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว เจอมารผจญตลอดทาง จะได้ตั๋วรถไฟมั้ยเนี่ยตู -__-'




พอแลกตั๋ว JR เสร็จจะเดินออกจากสถานีอยู่แล้ว ยังเจอกับดักอีก ร้านนี้ก็น่ากินเหมือนกันนะ เดินผ่านมาหลายร้อนแล้ว ขอกินจริงๆ มั่งเหอะ แวะ Lipton Cafe' ซะเลย สั่งไอติมชาเขียว กับอีกถ้วยไม่รู้ชื่ออะไร แต่เห็นเป็นเมนูใหม่ล่าสุดเลยเอามาลองชิมดู กับ Fruit Pie อีกชิ้น ฮ่า.. ได้กินซะที :D



กินเสร็จก็เดินออกมารอรถเมล์หน้า Kyoto Station เลยได้ภาพ Kyoto Tower เวอร์ชั่นกลางวันมาให้ดูกันมั่ง



ลงรถเมล์ที่ Kiyomizumichi แล้วเดินจากถนนใหญ่ เข้าซอยไปอีกเพื่อไปวัด Kiyomizu กัน ทางเดินขึ้นวัดเป็นทางลาดชันตลอดทาง เดินกันมันส์ไปเลย ระหว่างยังแอบมีร้านอาหารเล็กๆ แทรกตัวอยู่ เลยถ่ายเก็บไว้ดูน่ารักดี



ตลอดทางเดินขึ้นวัดก็จะมีร้านรวงขายของมากมาย ทั้งของฝาก ขนม ของเล่น สารพัดจะมี ส่วนร้านที่เห็นในรูปนี้ขายของเล่นที่ทำจากไม้



มีลูกกวาดสารพัดสีขายเป็นพวงๆ น่ารักมาก ล่อตาล่อใจนักเชียว แต่ขืนซื้อไปกินหมดพวงนี่ ฟันผุหมดปากแน่นอน



ขวดน้ำยังอุตส่าห์ทำดีไซน์ซะน่ารัก เข้าใจทำไว้ดูดเงินจากกระเป๋าจริงๆ เล้ยย...



ระหว่างทางเจอแก๊งเด็กประถมที่โรงเรียนพามาทัศนศึกษา เดินกันให้วุ่นเหมือนจับปูใส่กระด้งยังไงยังงั้น



สาวญี่ปุ่นคนนี้เค้าใส่กิโมโนมาเที่ยววัดด้วยแฮะ น่ารักจิง เป็นบ้านเราขืนใครใส่ชุดไทยไปเดินตามวัด มีหวังเจอข้าวสารเสกแน่ 5555



ถึงซะทีวัด Kiyomizu หรือที่คนไทยเรียกว่าวัดน้ำใส(kiyo แปลว่า ใส ส่วน mizu แปลว่า น้ำ)



ธรรมเนียมการไหว้พระแบบคนญี่ปุ่นนั้น บริเวณหน้าโถงสำหรับไหว้พระ จะมีกล่องไม้ใบใหญ่สำหรับบริจาคเงินทำบุญ โดยโยนเหรียญลงในกล่อง เสร็จแล้วให้ดึงเชือกแรงๆ เพื่อลั่นระฆัง หรือสั่นกระดิ่ง (ต้องตีฆ้องร้องป่าวซะก่อน เดี๋ยวท่านไม่ได้ยิน) แล้วตบมือแปะๆ 2 ที ก่อนจะอธิษฐานขอพร ก็เป็นอันเสร็จพิธี คนญี่ปุ่นจะใช้เหรียญ 5 เยน เพราะมีรูตรงกลาง เวลาทำอะไรจะได้ “ทะลุปรุโปร่ง” นอกจากการไหว้พระแล้ว ยังมีธรรมเนียมที่ต้องล้างมือ ชำระสิ่งสกปรกก่อนเข้าวัดอีกด้วย โดยจะเห็นได้จากหน้าวัด ซึ่งจะมีบ่อน้ำ พร้อมกระบวยตักน้ำตั้งอยู่แทบทุกวัด เพื่อที่จะได้บ้วนมือ ล้างปาก ชำระสิ่งสกปรกทั้งหลายก่อนเข้าวัด (ประมาณว่าถ้าล้างใจให้สะอาดด้วยได้ คงให้ทำไปแล้ว)



ข้าวปุ้นเห็นผู้ใหญ่ทำก็เอามั่ง แต่ใช้ความพยายามอยู่นานตียังไงก็ไม่ดังซะที มีคนยืนรอลุ้นอยู่เต็มเลย ฝรั่งยืนอมยิ้มลุ้นอยู่ใกล้ แถมถ่ายรูปไปด้วย 5555 พยายามอยู่นานจนกองเชียร์เหนื่อยแทน สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ เฮ้อ... สงสัยต้องโตกว่านี้ก่อนนะข้าวปุ้นนะ



วัดคิโยมิสึ หรือ วัดน้ำใส เป็นวัดที่ใหญ่ที่มีความสวยงาม โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาฮิงาชิ (Higashi-yama) ไฮไลท์ของวัดนี้ คือ สายน้ำศักดิ์สิทธิ์ 3 สายที่ไหลลงมาจากภูเขา ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัด ตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น น้ำแต่ละสายที่ไหลลงมานั้น จะมีความหมายแตกต่างกัน คือ สายน้ำทางขวา ถ้าดื่มแล้วจะทำให้มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด สายกลาง ดื่มแล้วจะทำให้ร่ำรวย มั่งคั่ง และสายน้ำทางซ้าย จะทำให้อายุยืนยาว สุขภาพแข็งแรง

วัดแห่งนี้เป็นวัดยอดฮิตอันดับต้นๆ ของเกียวโตเลยทีเดียว ด้วยความที่มีอายุเก่าแก่มากกว่านครเกียวโตซะอีก โดยสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 788 เพื่อถวายแด่พระโพธิสัตว์กวนอิม 11 พักตร์ จุดเด่นอีกอย่างของที่นี่คือ ระเบียงวัดซึ่งทำจากไม้ซุงต้นมหึมากว่า 130 ต้น ตั้งเรียงรายอยู่บนไหล่เขาเพื่อรองรับระเบียง และที่สำคัญคือมันถูกสร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปูเลย!!

ด้านหลังวิหารใหญ่จะมีศาลเจ้าจิชู (Jishu-jinja) ศาลเจ้าเล็กๆ ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นที่ประทับของเทพเจ้าแห่งความรัก และความราบรื่นในชีวิตสมรส ที่นี่มีหินตาบอด (mekura-ishi) ซึ่งเป็นหินคู่ ตั้งห่างกันราว 20 เมตร มีความเชื่อว่าหากใครสามารถหลับและเดินท่องชื่อคนรักไว้ในใจจากหินก้อนนึง ไปอีกก้อนนึงได้โดยไม่หกล้ม คนๆ นั้นจะสมหวังในเรื่องความรัก และชีวิตคู่ก็จะราบรื่นไปได้ตลอดรอดฝั่งอีกด้วย





สายน้ำศักดิ์สิทธิ์ 3 สายที่ว่านั้น มีชื่อว่า น้ำตกโอตะวะ ซึ่งมีที่มาจากน้ำตกที่ไหลผ่านเนินเขาลงมาบริเวณวัด ผู้มาเยี่ยมชมวัดมักจะมาดื่มน้ำจากน้ำตกนี้ด้วยความเชื่อว่าสามารถบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ และยังเชื่อกันว่าการดื่มน้ำจากสายน้ำตกทั้ง 3 นี้ มีความหมายถึง สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว และความสำเร็จในการศึกษา แต่พวกเราไม่มีใครได้แตะน้ำศักดิ์สิทธิ์กันซักคน เพราะเด็กนักเรียนต่อแถวกันยาวเหยียด เสียงดังเจี๊ยวจ๊าวน่าดู เลยอดไปตามระเบียบ อ้อ.. ลืมบอกไปว่ากระบวยน้ำที่ตักดื่มเนี่ย ไม่ต้องกลัวเชื้อโรคด้วยนะ เพราะเค้ามีการฆ่าเชื้อด้วยแสง UV ใครใช้กระบวยเสร็จก็เอาไปวางในเครื่องที่เค้าจัดไว้เพื่อฆ่าเชื้อ เจ๋งจริงๆ





เย็นมากแล้ว ใกล้มืดเต็มที ร้านก็เริ่มทยอยปิดกันแล้ว พวกเราก็ได้เวลากลับซะที ระหว่างทางเห็นดอกไม้ที่เค้าปลูกไว้หน้าบ้าน หน้าตาคุ้นๆ เหมือนดอกบัวดินบ้านเรา แต่คนละสี ของเค้าที่โคตรแคบไม่ถึงฝ่ามือก็ยังอุตส่าจะปลูกดอกไม้อีกนะ พยายามจริงๆ



ระหว่างรอข้ามถนนจะไปขึ้นรถเมล์ เจอพี่ยุ่นคนลากรถ ตัวโคตรสูงเลย เท่มากเพ่ ขอแอบถ่ายรูปคู่กะเค้าซะหน่อย 555



กลับมาบ้าน ข้าวปุ้นสวมบทเจ้าภาพ จัดงานเลี้ยงต้อนรับน้าๆ อย่างเป็นทางการ เพราะตั้งแต่มายังไม่ฉลอง เจ้าภาพตัวน้อยของเราช่วยกันจัดโต๊ะกับตาจ๋าอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วก็คว้าคฑาวิเศษรายคาถา พึมพำ.... ปิ๊ง!!! หูวววว ขนาดเสกคาถามั่วๆ นะเนี่ย ของกินเต็มโต๊ะเล้ยยยย กรุณาดูหน้านางฟ้ากำมะลอของเรา หน้าตาตื่นเต้นใหญ่เชียว 5555555 "อิตาดาคิมัสสส" กินแล้วนะค้า... เอ้า! ทุกคนลงมือเล้ยย

No comments: