11 May 2008

Kawaramachi, Kyoto

Japan 2007 : Day 1

ทำแต่งานมาตั้งนาน ไม่ได้ลืมหูลืมตา หามรุ่งหามค่ำจนงานเสร็จ ตอนนี้ขอตัวหนีไปชาร์จแบตให้เต็มที่หน่อยเหอะ ทริปของ เป้+ปิ๊ก ทริปนี้เลยมีจุดหมายที่ญี่ปุ่น เพ้อกันมานาน ในที่สุดฝันก็เป็นจริงแล้วเรา ลุ้นแทบแย่ว่าจะผ่านด่านอรหันต์ขอวีซ่าไปได้มั้ย แต่ก็ผ่านฉลุยไม่มีปัญหา ได้ฤกษ์ออกเดินทางคืนวันเสาร์ที่ 29 กันยายน 2007 เวลา 5 ทุ่ม ไปกับ Singapore Airline เครื่องก็ใหม่ แอร์ก็ไม่แก่ ของกินก็อร่อย แต่ขึ้นไปนั่งตั้งนานแน่ะกว่าจะได้กิน หิ๊ว หิว ก่อนขึ้นเครื่อง กินข้าวเย็นยังไม่ทันจะอิ่มก็ต้องรีบไปเข้า gate กลัวไม่ได้ไปไง แบบว่าคนมันตื่นเต้น อยากไปจัด แหะๆ



งานนี้ไปซ่ากันเอง 2 คน เป้+ปิ๊ก เพื่อนๆ เป็นห่วงกันใหญ่ว่าจะรอดมั้ยเนี่ย เพราะกลัวไปเอ๋อเหรอกันอยู่ 2 คน แต่พวกเราก็ไปถึงกันจนได้ ถึงจะเซ่อซ่ายังไงก็ผ่านมาได้ละกันน่า ออกมาปุ๊บรีบมาติดต่อเคาน์เตอร์ MK Taxi รถที่จะนั่งไปเกียวโตก่อนเลย ถึงแม่จะจองมาให้แล้วก็เหอะ ยังไงก็ต้องรีบคอนเฟิร์มก่อนว่าหมู่เฮามาถึงแล้ว กันพลาด นั่งรถราวๆ 2 ชั่วโมง ก็ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ข้าวปุ้นรีบตื่นแต่เช้ามารอรับน้าๆ ด้วยความตื่นเต้น (รอของฝากจากน้าอยู่ จะไม่ตื่นเต้นได้ไง 555) ท่าทางตื่นเต้น ดีใจ ซะยิ่งกว่าน้าเป้ น้าปิ๊ก ซะอีกแฮะ

เนื่องจากบนเครื่องนอนไม่ค่อยจะหลับเท่าไหร่ มาถึงญี่ปุ่นเลยต้องขอนอนพักเอาแรง ชาร์จแบตซักหน่อย แต่ก็ชาร์จไม่ค่อยเต็ม เพราะมีเสียงยัยปุ้นตัวแสบ พูดนั่น โม้นี่ อยู่ตลอดเวลา รบกวนโสตประสาทดีแท้ เลยจำใจต้องลุยต่อกันดีกว่า พ่อกับแม่พาเดินจากที่พัก อยู่ถนน Omiya เดินตามถนน Shijo มาเรื่อยๆ จนถึง Kawaramachi เดินไกล แต่ไม่เหนื่อย สงสัยเพราะตื่นตาตื่นใจ แถมอากาศไม่ร้อน เลยเดินกันได้สบายๆ



ถนนคาวารามาจิ (Kawaramachi-dori) ทอดยาวขนานไปกับแม่น้ำคะโมะ (Kamo-gawa) โดยมีถนนหลายสายตัดผ่าน บริเวณที่ตัดกับถนนชิโจ (Shijo-dori) จะมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้าตั้งอยู่หลายแห่ง เรียกว่าเป็นย่านช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเลยก็ว่าได้ เหมือนสยาม-พารากอน-เซ็นทรัลเวิลด์ อะไรแบบนั้น เพราะมีห้างใหญ่ๆ อยู่หลายห้าง เช่น Daimaru, Takashimaya, Hankyu Department Store และ Fujii Daimaru แล้วก็ยังมีร้านขายของ ร้านอาหาร ร้านขนม เพียบบบบ

ช็อป LV ที่นี่ร้านใหญ่มาก คงเพราะคนญี่ปุ่นเค้าไม่นิยมของก๊อปกัน เลยเปิดร้านให้ใหญ่ๆ สะใจนักช้อปชาวญี่ปุ่น กะเหรี่ยงอย่างเราคงทำได้แค่มอง... หลังจากเดินดู LV จนเบื่อ (ดูเฉยๆ 555) เลยเลี้ยวเข้ามาข้างในห้าง Daimaru ดูมั่ง โอ้โห... อยากจะกรี๊ด ของกินละลานตาน่ากินไปหมด สวรรค์ของกะเหรี่ยงอย่างเราจริง จริ๊งงงง ขนมที่นี่หน้าตาน่ากินสุดยอด ราคาก็ไม่ได้แพงมาก กะเหรี่ยงอย่างเราก็สามารถซื้อกินได้ ราคาประมาณเดียวกะเค้กผู้ดีบ้านเรา แต่ปัญหาคือ... ไม่รู้จะเลือกกินอะไรดีเนี่ยสิ คิดหนักเลย เพราะมันน่ากินไปซะหมด จบกัน ในเมื่อตัดสินใจไม่ได้ ก็เลยไม่ได้กิน โธ่... เศร้า









เดินผ่านโซนขนมมา ก็จะเป็นพวกผักผลไม้สด หน้าตาดี น่ากินทั้งนั้น แต่มาสะดุดตาที่น้องเห็ดตะกร้านี้ ทีแรกนึกว่าดูราคาผิด ราคา 48,000 เยน คิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ 17,000 บาทเท่านั้นเอง!!! เห็ดบ้าไรวะเนี่ย แพงโคตะระ สงสัยจะเป็นเห็ดเทพ เก็บมาจากสวรรค์ชั้นที่ 36 กินปุ๊บได้ขึ้นสวรรค์เลยมั๊งเนี่ย



หายช็อคกับราคาอีเห็ดเทพไปแล้ว ก็มาเดินเล่นกันต่อที่ Teramachi เห็นมีศาลเจ้าเล็กๆ อยู่เลยเดินเข้าไปสวัสดีซะหน่อย ไหนๆ ไปถึงประเทศเค้าแล้ว ก็ต้องไปฝากเนื้อฝากตัวกับเจ้าที่เจ้าทางบ้านเค้าซะก่อน เจ้าท่านจะได้ช่วยคุ้มครอง ว่าแต่... บ้านนี้เมืองนี่เค้าเป็นอะไรกัน ไม่รู้จะคิกขุไปไหนเนี่ย ขนาดเครื่องรางยังเป็นคิตตี้ แล้วมันจะศักดิ์สิทธิ์มั้ยน้อ....





ออกจากศาลเจ้าก็เดินเรื่อยเปื่อยมาเจอร้านขายขนมของฝาก มีป๊อกกี้รสทาโกยากิด้วยแฮะ ปิ๊กกี้บอกว่ารสนี้อร่อยเคยกินแล้ว ถ้างั้นก่อนกลับเจอกันแน่น้องป๊อกกี้ทาโกะจัง แต่วันนี้ยังไม่ซื้อ หิวข้าวแล้วไปหาข้าวกินดีกว่า



พ่อเลยพาเดินมาเรื่อยๆ จนถึงแม่น้ำ Kamo ร้านอาหารริมน้ำเพียบ แต่ไม่ได้นั่งริมน้ำหรอกนะ มันหนาว แล้วเค้าก็ไม่ให้นั่งด้วย เพราะถ้าจะนั่งต้องสั่งเหล้า หรือกินเป็น course menu เท่านั้น ไม่เอาก็ได้ ชิส์ ไม่ง้อหรอก ไปนั่งริมน้ำปิงเอาก็ได้วะ ไม่ง้อร้อก

สุดท้ายก็เลือกได้ร้านนึง หลังจากกินอิ่มก็เดินกลับบ้าน เป็นการย่อยอาหารไปด้วย แต่ย่อยไกลไปหน่อย จนเกือบหิวอีกรอบ แวะมินิมาร์ทซื้อขนมมากินเล่นกันดีกว่า ได้ไอติมรสแอ๊ปเปิ้ลมาถ้วยนึง เห็นมันแปลกดี บ้านเราไม่มีให้กิน พอกลับมาจะเปิดกินที่บ้าน ข้าวปุ้นรอขอแจมทันที เห็นขนมเป็นไม่ได้ หลานใครหว่า กินอิ่มแล้ว หนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน แบตอ่อนเต็มที รีบเก็บแรงไปเที่ยวต่อพรุ่งนี้ดีกว่าเรา Oyasumenasai กู๊ดไนท์ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์

1 comment:

Anonymous said...

Cooool!!!